โหดกระหน่ำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างสวยงามเปิดรังกระหน่ำ ลีดส์ ยูไนเต็ด ขาดลอย 5-1
โหดกระหน่ำ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างสวยงามเปิดรังกระหน่ำ ลีดส์ยูไนเต็ด ขาดลอย 5-1 โดยได้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตะบันแฮตทริก ส่วน ปอล ป็อกบา ไม่น้อยหน้าจัดอีก 4 แอสซิสต์ อลาเบสลุ้นใช้
ในช่วงเวลาที่ เจดอน ซานโช่ ได้ลงมาวาดลวดลายในช่วงท้ายเกม ในศึกพรีเมียร์ลีก นัดหมายเปิดฤดูกาล ตอนวันที่ 14 เดือนสิงหาคมก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา การแข่งขันชิงชัยศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดหมายเปิดสนามของฤดูกาล 2021/22
ทุกวันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม 2564 ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ระหว่าง แมนฯยูไนเต็ด พบลีดส์ยูไนเต็ด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ปรึกษา ปีศาจแดง เกมนี้ใส่ชื่อของ เจดอน ซานโช่ กองกลางป้ายแดงเป็นเพียงแค่ผู้เล่นสำรองไปก่อน
โดยแนวรุกใช้ แดเนียล เจมส์, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ป็อกบาและก็ เมสัน กรีนวู้ด ลงล่าตาข่าย ส่วนผู้เฝ้าประตูกลับมาใช้ ดาบิด เด เคอา เป็นมือชั้นยอดอีกที ระหว่างที่ ลีดส์ของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เกมนี้ใช้ มาร์เตอุสซ์ คลิช และก็ โรบิน คอช ยืนจับคู่แดนกลาง
โดยให้ คาลวิน ฟิลลิปส์ นั่งสำรองไปก่อน ส่วนแนวรุกฝากความปรารถนาไว้ที่ ราฟินญ่า และก็ พาทริก แบมฟอร์ด ครึ่งแรกเปิดตัวมา แมนฯยูไนเต็ดเริ่มอย่างครื้นครึกบุกใส่โดยทันที แล้วก็มาได้ส่องประตูครั้งแรก
จากจังหวะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ฉุดกระชากมาซัดด้วยขวาในจุดโทษ แม้กระนั้น เลียม คูเปอร์ ล้มตัวบล็อกไว้ได้หวุดหวิด จากนั้น นาทีที่6 “ปีศาจแดง” ได้ลุ้นตลอด เมสัน กรีนวู้ด ลากมากกดด้วยซ้ายหน้าจุดโทษบอลไม่แรงเพียงพอพุ่งเข้าไปมือของ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ ยอมรับได้ไม่ยาก
ต่อมานาทีที่ 11 ราฟินญ่า บากบั่นส่งบอลคืนหลังให้ ปาสกาล สตูยิช แต่ว่าค่อยไป ก่อนที่จะ เมสัน กรีนวู้ด จะเข้ามาปั้มบอลเด้งเปลี่ยนแปลงทางทำให้ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ จำเป็นต้องกระโจนปัดทิ้งออกข้างหลังไปเฉียด
เท่านั้นยังไม่พอ นาทีที่12 แมนฯยูไนเต็ดชวดขึ้นนำอย่างเกินจริง โหดกระหน่ำ เมื่อ เมสัน กรีนวู้ด ตัดบอลถึงที่กะไว้กึ่งกลางสนามแล้วส่งบอลมอบพานให้ ป็อกบาหลุดผู้เดียวมาในจุดโทษแล้วเลือกจิ้มด้วยซ้ายบอลไปเข้าข้างตาข่าย
เกมเปิดหน้าแลกเปลี่ยนกันบันเทิงใจ นาทีที่16 ลีดส์ได้ช่องส่องประตูคราวแรกจากลูกยิงด้วยซ้ายของ แจ็ค แฮร์ริสัน หน้าจุดโทษบอลพุ่งไปตรงตัวของ ดาบิด เด เคอา รับไว้ได้ ต่อจากนั้นนาทีต่อมา “ยูงทอง” ได้ลุ้นตลอด
มาร์เตอุสซ์ คลิช ได้บรรจงปั่นด้วยขวาหน้าจุดโทษ ตอนนี้ เด เคอา จำต้องออกแรงพุ่งปัดออกข้างหลัง เกมรุกของเจ้าถิ่นมาเป็นชุด จนกระทั่ง นาทีที่31 ความพยายามของ “ปีศาจแดง” ก็มาสำเร็จผล ปอล ป็กบา
โหดกระหน่ำ แทงทะลุช่องให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หลุดลำพังไปกดด้วยซ้ายในจุดโทษผ่านมือ อิลล็อง เมสลิเย่ร์ เข้าประตูไปให้แมนยู ขึ้นนำ ลีดส์1-0 บ้านผลบอล 7M
ตอนที่เหลือทั้งคู่ทีมทำอะไรกันเพิ่มไมได้ จบครึ่งแรก แมนยู นำ ลีดส์1-0
โหดกระหน่ำ กลับมาหวดกันต่อในช่วงหลัง ลีดส์เริ่มด้วยการส่ง จูเนียร์ ฟีร์โป ตัวบุกปีกซ้ายรายใหม่จาก บาร์เซโลน่า ลงมาเล่นแทน โรดรีโก้ จนตราบเท่านาทีที่ 49 เปลี่ยนเป็น ลีดส์ที่ได้ประตูตามตีเสมอเป็น 1-1 จากจังหวะที่ ลุค อายลิ่ง สอดขึ้นมารับบอลแล้ว
ลากมากมายดด้วยขวาเต้มข้อหน้าจุดโทษจ่ายบอลทิ่มสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างงดงาม แต่ นาทีที่52 แมนยูกลับมาขึ้นนำอีกทีเป็น 2-1 จากจังหวะที่ป็อกบา แทงบอลทะลุช่องจากกึ่งกลางสนามให้ เมสัน กรีนวู้ด หลุดเข้าจุดโทษ
แล้วซัดเรียดด้วยซ้ายแทงมุมเสาไกลเข้าประตูไป เท่านั้นยังไม่พอสกอร์ไหลห่างเป็น 3-1 ในนาทีที่51 ป็อกบาไหลบอลให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ล็อกเข้าซ้ายแล้วเบี่ยงตัวซัดในจุดโทษบอลผ่านเส้นเข้าประตูไปเต็มใบ ก่อนที่จะแนวรับ
ลีดส์พยายามจะสกัดบอลจากเส้นออกมา ต่อจากนั้น นาทีที่60 วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ วางบอลยาวจากแนวรับให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หลุดไปซัดแบบไม่จับในจุดโทษจ่ายบอลตุงตาข่ายเข้าไปอย่างงดงามให้ แมนยูนำเป็น 4-1
เกมรุกของแมนยู ยังไม่ผ่อนเครื่อง นาทีที่68 ป็อกบาทำแอสซิสต์ที่ 4 ในเกมนี้ด้วยการหักบอลเข้าจุดโทษให้ เฟร็ด ใส่มาซัดเรียดจ่อๆไม่เหลือ สกอร์ไหลเป็น 5-1 นาทีที่73 แมนยูส่ง เจดอน ซานโช่ กองกลางรายใหม่ลงมาเล่นแทน แดเนียล เจมส์
ในขณะที่เหลือทั้งคู่ทีมทำอะไรกันเพิ่มไมไ่ด้ จบเกมแมนฯยูไนเต็ด ถล่มลีดส์ยูไนเต็ด 5-1 รายชื่อผู้เล่นทั้งคู่ทีมแมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – แอรอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็คไกวร์,
ลุค ชอว์ – สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (เนมานย่า มาติช น.69), เฟร็ด – แดเนียล เจมส์ (เจดอน ซานโช่ น.74), บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา (อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล น.74) – เมสัน กรีนวู้ด ลีดส์ยูไนเต็ด (4-1-4-1) : อิลล็อง เมสลิเย่ร์ – ลุค อายลิ่ง,
โหดกระหน่ำ ปาสกาล สตูยิช, เลียม คูเปอร์, สจ๊วร์ต ดัลลัส – คาลวิน ฟิลลิปส์ – มาร์เตอุสซ์ คลิช, โรบิน คอช – ราฟินญ่า, โรดรีโก้ (จูเนียร์ ฟีร์โป น.46) , แจ็ค แฮร์ริสัน (เอลแดร์ คอสต้า น.69) – พาทริก แบมฟอร์ด (ไทเลอร์ โรเบิร์ต น.77)