แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าถ้วยรางวัลแรกของฤดูกาลได้สำเร็จพร้อมสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์รายการนี้ถึง 4 ปีซ้อนเทียบเท่ากับที่ ลิเวอร์พูล ทำเอาไว้ในยุค 80 ขณะที่สถิติการคว้าแชมป์สมัยที่ 8 ทำให้พวกเขาทาบสถิติของ ลิเวอร์พูล อีกเช่นกัน
หลังจากสัปดาห์ที่วุ่นวาย ซิตี้ กับดราม่าของ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก พวกเขายังไม่วอกแว่กเก็บ 3 แต้มในเกมลีกกับ แอสตัน วิลลา ได้ในโปรแกรมกลางสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ก่อนจะตามกันมาติดๆด้วยการต้องเผชิญหน้ากับ สเปอร์ส ที่เพิ่งตัดสินใจไล่ โจเซ มูรินโญ ออกเมื่อต้นสัปดาห์โดยให้ ไรอัน เมสัน รับหน้าที่เป็นกุนซือขัดตาทัพแทนโดยที่เกมในรอบชิงนี้เป็นเพียงการคุมทีมจากข้างสนามนัดที่ 2 ของเขาเท่านั้นเอง
เป๊ป กวาดิโอลา ได้ เควิน เดอ บรอยน์ กลับสู่ทีมโดยมี อเกวโร อยู่บนม้านั่ง ในเกมที่ตึงเครียดไม่น้อยสำหรับ ซิตี้ ที่แม้จะครองเกมเหนือกว่าเกือบตลอด 90 นาทีแต่กลับล้มเหลวในการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูจนถึงนาทีที่ 81 เมื่อ อายเมริค ลาปอร์ต ช่วยโขกชัยให้จากลูกฟรีคิก
การต้องพบกับทีมระดับท็อปอย่าง แมนฯ ซิตี้ ทำให้ ไรอัน เมสัน ต้องคิดหนักว่าจะนำทีมลงเล่นด้วย “วิถีของท็อตแนม” ตามที่เขาสัญญาเอาไว้หรือจะเล่นแบบรัดกุมเพื่อหวังผล
เมสัน เลือกอย่างหลังโดยให้ วิงคส์ ออกสตาร์ทแทน เอ็นดอมเบเล เพื่อหวังจะคุมเกมในแดนกลางให้แน่นอนมากขึ้นซึ่งก็ต้องแลกกับการสร้างสรรค์เกมที่ด้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ดีมันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องก็เป็นได้เพราะลูกทีมของ เมสัน สามารถรับมือกับการโหมบุกของ ซิตี้ เอาไว้ได้เกือบตลอดทั้งเกม..จนกระทั่งประตูของ ลาปอร์ต มาถึงในนาทีที่ 81