ยุสซูฟา มูโกโก้ และจิโอ เรย์นา กำลังดวลเกม FIFA กันอย่างดุเดือด ขณะที่จู๊ด เบลลิงแฮม กำลังรอให้ถึงตาของตัวเองอยู่บนโซฟา ในห้องนั่งเล่นที่บ้านของเขาที่ดอร์ทมุนด์ นี่คือหนึ่งในกิจกรรมที่ทั้งสามใช้ร่วมกัน ระหว่างที่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงบอลผ่านกองหลัง หรือยิงประตูใส่คู่แข่งในชุดเหลือง-ดำ
“5-3 จบเกมแล้ว” เรย์นาประกาศออกมา หลังจากเอาชนะเพื่อนร่วมทีมของตัวเองได้สำเร็จ
“ฉันปล่อยให้นายชนะต่างหาก” มูโกโก้ตอบทันที
เดนิส เบลลิงแฮม แม่ของจู๊ด เบลลิงแฮม ย้ายจากอังกฤษเพื่อมาคอยดูแลลูกชายของเธอ ด้วยวัยเพียง 17 ปี ในฤดูกาลแรกกับดอร์ทมุนด์ เบลลิงแฮมลงสนามไปแล้วทั้งสิ้น 23 นัด รวม 1,251 นาที ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับดาวรุ่งสักคน ซึ่งการที่เขาได้อาศัยอยู่กับแม่เป็นเรื่องที่ช่วยเขาได้มาก
“ผมต้องขอบคุณเธอ เธอทำทุกอย่างเพื่อผม ผมต้องขอบคุณเธอสำหรับทุกอย่างที่เธอทำ” จู๊ดกล่าวในระหว่างบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับทาง DAZN
จู๊ดมีน้องชาย ชื่อโจ๊บ ซึ่งกำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับเบอร์มิงแฮม การไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับน้องชายถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากทีเดียว แต่เขาพร้อมแล้วที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อจะกลายเป็นนักเตะชั้นนำของโลก
“เขามาไกลมากทีเดียว เมื่อดูจากวัยของเขา มาได้ไกลมากๆ เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร เขามีไอเดียที่ชัดเจนว่าเขาอยากจะทำผลงานแบบไหน เขาอยากจะพัฒนาขึ้นในทุกๆ วัน เขายังเป็นหนึ่งในนักเตะแค่ไม่กี่คนที่เดินเข้ามาหาผม เพื่อขอดูวิดีโอวิเคราะห์ หรือถามผมเกี่ยวกับเกมล่าสุดว่าจะวิเคราะห์ให้เขาดูอีกครั้งได้ไหมว่าอะไรที่เขาทำได้ดี และเขาจะพัฒนาขึ้นตรงไหนได้บ้าง” อ็อตโต้ อัดโด้ ผู้ช่วยโค้ชที่ดอร์ทมุนด์ระบุ
ขณะเดียวกัน มูโกโก้ก็ต้องย้ายจากแคเมรูน เข้ามาอยู่ที่เยอรมันด้วยวัยเพียง 10 ปี และต้องอาศัยอยู่กับพ่อของเขาที่ฮัมบูร์ก เขาต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่
“ทุกคนต้องเจอประสบการณ์ของตัวเอง ตอนที่คุณขึ้นสู่จุดสูงสุด คุณต้องมีวินัย เพราะสิ่งต่างๆ มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ คุณต้องสร้างหนทางของตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก เพราะตอนที่คุณยังเด็ก คุณจะได้ลงเล่นอยู่ตลอด แล้วพอคุณขยับขึ้นไป คุณก็กลับไม่ได้ลงเล่นสม่ำเสมอเหมือนเดิม มันเป็นเรื่องยากทีเดียว”
ขณะเดียวกัน เรย์นาก็เจอสถานการณ์อีกแบบหนึ่ง เคลาดิโอ เรย์นา พ่อของเขาเป็นกองกลางที่เคยสร้างชื่อในบุนเดสลีกากับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และโวล์ฟสบวร์ก แต่เขากลับต้องอยู่เพียงลำพังในเยอรมัน ไม่เหมือนมูโกโก้และเบลลิงแฮม ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากทีเดียวสำหรับวัยรุ่นอย่างเขา
“ผมอยู่คนเดียวมา 6 สัปดาห์แล้ว ใช่เลย มันเป็นเรื่องยาก ผมว่าคุณถามพวกดาวรุ่งคนอื่นๆ ได้เลย ผมหมายถึงว่า อย่างจู๊ด เขาก็อยู่กับแม่ มันก็เลยแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย ผมคิดว่าผมคือคนเดียวเลยที่อยู่เพียงลำพังจริงๆ” เรย์นากล่าว
เรย์นาเข้ากับเบลลิงแฮมได้ดี เพราะทั้งคู่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญมากนักในสนาม แต่เมื่ออยู่นอกสนาม การพูดภาษาเดียวกันก็ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากกว่าเดิม
“ตอนที่ผมมาถึงสโมสรแห่งนี้ เขาน่าจะเป็นคนแรกๆ เลยที่เข้ามากอดคอผม และคอยดูแลผม ตอนที่ผมมาอยู่ที่นี่ เขาเป็นคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษและอยู่ในวัยใกล้ๆ กัน เขาเป็นคนที่สบายใจที่จะอยู่ด้วย เขาถ่อมตัวและติดดินมากๆ คุณเป็นคนที่คุณอยากจะอยู่ใกล้ๆ และเป็นคนแบบที่คุณอยากจะมีอยู่ในทีม” เบลลิงแฮมกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเขากับเรย์นา
อัดโด้รู้สึกว่าสามประสานดาวรุ่งทำผลงานได้ดีกับดอร์ทมุนด์ และไม่ได้รู้สึกผิดหวัง หากว่าพวกเขาทำผิดพลาดไปบ้างในระหว่างการเรียนรู้ สิ่งที่สำคัญก็คือการได้ปล่อยให้พวกเขาได้แสดงออกในสนาม และพยายามทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะล้มเหลวบ้างในบางครั้งก็ตาม
ทั้งสามคนรู้ดีว่าพวกเขาคือสุดยอดแห่งนักเตะดาวรุ่งในยุคนี้ ที่พร้อมจะทำลายแนวรับคู่แข่งให้ราบเป็นหน้ากลอง พวกเขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือเพื่อที่จะพัฒนาฝีเท้าจนดีพอจะสยบโลกเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าในอีกหลายฤดูกาลข้างหน้า ภายใต้ข้อแม้ว่าพวกเขาจะต้องไม่หลงตัวเอง และยังทำงานหนักเหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด
คุณอยากจะประสบความสำเร็จอะไรบ้าง? พวกเราถาม
“ทุกๆ อย่างเลย” มูโกโก้ตอบด้วยแววตาเป็นประกาย
ในฐานะพันธมิตร อิวอนิก และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยืนหยัดร่วมกันมากกว่าแค่ฟุตบอล