เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยสาเหตุที่เขาโบกมือลาเชลซี เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับโอกาสลงสนามอย่างที่ต้องการ พร้อมยอมรับว่าประหลาดใจกับความสำเร็จของตัวเองในช่วงหลายปีหลัง
มิดฟิลด์ชาวเบลเยียมเคยค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ สมัยที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ก่อนที่จะมาเริ่มสร้างชื่อตอนถูกยืมตัวไปเล่นให้แวร์เดอร์ เบรเมน และย้ายออกจากทีมสิงห์บลูไปอยู่กับโวล์ฟสบวร์ก ก่อนจะมาอยู่กับเรือใบสีฟ้าจนถึงปัจจุบัน
ในระหว่างช่วงที่ค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม เดอ บรอยน์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ 2 สมัย เอฟเอ คัพ 1 สมัย และลีกคัพอีก 4 สมัย เคยได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2019-20 รวมถึงนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ในฤดูกาลเดียวกัน
ขณะที่ในระดับทีมชาติ เขาก็เป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติเบลเยียมชุดคว้าอันดับสามในฟุตบอลโลก 2018 ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสเปน
“ผมตัดสินใจย้ายทีมเพราะรู้สึกว่าผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นในตอนนั้น” เดอ บรอยน์กล่าวทาง Sky Sports
“ผมไม่เห็นว่าจะมีโอกาสมาหาผมมากนัก มันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่จะออกจากเชลซี และไปหาสถานการณ์ที่ผมรู้สึกว่าผมจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“ผมคาดหวังไว้รึเปล่าว่าจะออกมาเป็นแบบนี้? แน่นอนว่าไม่ เพราะในตอนนั้น มันคือจุดตกต่ำในชีวิตค้าแข้งของผม แต่ผมไม่เคยสงสัยความสามารถของตัวเองเลยในฐานะนักฟุตบอล
“ผมไม่เคยคิดหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตลอด 8 ปีจนมาเล่นให้ซิตี้ ทั้งฟุตบอลโลก และเรื่องทั้งหมดนั่น มันมหัศจรรย์มากๆ”