เฟเดริโก้ มาเคด้า คือนักเตะที่มีความพิเศษในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาเป็นทั้งตำนานและความล้มเหลวในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
กองหน้าชาวอิตาเลียน ปัจจุบันอายุ 29 ปี และกำลังค้าแข้งอยู่ในประเทศกรีซ หลังจากที่ไม่อาจโชว์ฟอร์มเก่งของตัวเองได้ในลีกสูงสุดของอังกฤษ, อิตาลี และเยอรมัน
อย่างไรก็ดี ตอนยังเป็นดาวรุ่ง เขาคือคนที่มีส่วนสำคัญต่อการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008-09 ถึงสองจังหวะด้วยกัน
ในเกมที่พบแอสตัน วิลลา เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2009 ขณะที่ปีศาจแดงกำลังเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 2-1 และอาจมีผลถึงการลุ้นแชมป์โดยตรง มาเคด้าในวัย 17 ปี ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 61 ของการแข่งขัน นั่นคือการลงสนามนัดแรกของเขาในฐานะนักเตะอาชีพ
หลังจากที่คริสเตียโน โรนัลโด้ ช่วยทำประตูตีเสมอในนาทีที่ 80 ของการแข่งขัน ดูเหมือนว่าเกมจะจบลงด้วยผลเสมอ เมื่อการแข่งขันล่วงมาถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยที่ไม่มีฝ่ายใดมีแนวโน้มว่าจะทำประตูได้
ทันใดนั้น ไรอัน กิ๊กส์ ก็จ่ายบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษสู่เท้าของมาเคด้า และกลายเป็นเจ้าหนูรายนี้ที่ทำประตูชัยให้ทีมท่ามกลางเสียงเชียร์กึกก้องในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
จากนั้นอีกเพียง 6 วัน เป็นอีกครั้งที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังตกที่นั่งลำบาก เมื่อพวกเขาเสมอกับซันเดอร์แลนด์อยู่ 1-1 โดยที่เหลือเวลาการแข่งขันอีก 15 นาที
เพียง 1 นาทีหลังจากที่มาเคด้าลงสนาม เขาก็แผลงฤทธิ์เป็นผู้โดนบอลคนสุดท้าย จากจังหวะที่ไมเคิล คาร์ริค ยิงมาแฉลบตัวเขาเข้าไปเป็นประตูชัย
หลังจบฤดูกาล ทีมปีศาจแดงได้เป็นแชมป์เหนือลิเวอร์พูลของราฟาเอล เบนิเตซ ด้วยผลต่าง 4 คะแนน เป็น 4 คะแนนที่อาจขาดหายไป หากไม่มีประตูจากฝีเท้าของมาเคด้า
หลังจากฤดูกาลแรกที่เหมือนฝันกับแมนฯ ยูไนเต็ด มาเคด้ามีผลงานที่ไม่ค่อยดีนักในอีกสองฤดูกาลต่อมา จนต้องถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานชั่วคราว
ในคราวนั้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แนะนำให้เขาลองไปเล่นกับทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก แต่มาเคด้าสนใจอยากไปค้าแข้งในกัลโช เซเรีย อา ลีกสูงสุดของประเทศบ้านเกิด กับทีมซามพ์โดเรียมากกว่า และนั่นคือการตัดสินใจที่มาเคด้ามองว่าเป็นความผิดพลาดที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“เฟอร์กี้อยากให้ผมลองย้ายไปเล่นให้ทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัว ผมว่ามันก็สมเหตุสมผลดี” มาเคด้ากล่าวทาง ESPN “มีทีมพรีเมียร์ลีกหลายทีมเข้ามาหาผม รวมถึงเอฟเวอร์ตัน และซันเดอร์แลนด์
“แต่ผมอยากจะเล่นในอิตาลี ในเซเรีย อา เฟอร์กี้ไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าผมควรจะเล่นในอังกฤษมากกว่า เขาจะได้คอยจับตาดูผมได้ เขาบอกว่าเขาไม่ได้มีอิทธิพลแบบนั้นในอิตาลี
“ผมยืนยันว่าจะไปอิตาลี และนั่นคือความผิดพลาดที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม ผมน่าจะเชื่อฟังเฟอร์กี้ ซามพ์โดเรียได้เล่นในเพลย์ออฟของแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนั้น พวกเขามีทีมที่ดีทีเดียว
“แต่เราตกต่ำมากในตารางคะแนน ผมเริ่มโดนวิจารณ์อย่างหนัก มีคนพูดกันว่า เขามาจากแมนฯ ยูไนเต็ด เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
“นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเสียความมั่นใจ ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ผมดีพอรึเปล่า? และผมก็เริ่มมีอาการบาดเจ็บ”
นับจากนั้น มาเคด้าก็เริ่มถูกปล่อยให้หลายทีมยืมตัวไปใช้งาน โดยที่ไม่ได้มีความสำเร็จใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งในปี 2014 เขาถูกเบอร์มิงแฮมยืมตัวไปใช้งาน และกลายเป็นดาวซัลโวของสโมสร ด้วยจำนวน 10 ประตู จาก 18 นัด แม้จะมาอยู่กับทีมแค่ครึ่งฤดูกาลหลัง
อย่างไรก็ดี มาเคด้าถูกปล่อยตัวออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนั้น เขาย้ายไปอยู่กับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ซึ่งคุมทีมโดยโอเล กุนนาร์ โซลชา โดยไม่มีค่าตัว
เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเจอปัญหาในเรื่องฟอร์มการเล่น จนต้องถูกยืมตัวไปอยู่กับน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ย้ายออกไปเล่นกับโนวารา ในเซเรีย เบ ก่อนจะมาอยู่ที่กรีซ
ในที่สุด เขาก็กลับมาเริ่มทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้งกับพานาธิไนกอส จากผลงาน 33 ประตู จาก 83 นัด ตลอด 3 ฤดูกาล และสิ่งที่เขารู้สึกเสียใจมากที่สุดคือการที่เขาไม่ได้ทุ่มเทเท่าที่ควรจะเป็นตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นดาวรุ่งในทีมปีศาจแดง
“ตอนที่ผมขยับขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมต้องทุ่มเทมากกว่าที่ผมทำประมาณ 3 เท่า” มาเคด้ากล่าวทาง Calciomercato “แต่ผมไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกเสียดาย
“ผมได้เรียนรู้มากมายจากความผิดพลาดในครั้งนั้น ผมอยากแนะนำพวกนักเตะดาวรุ่งให้ฟังแต่ญาติและบรรดาเพื่อนสนิท ให้พยายามอยู่ท่ามกลางคนที่รักพวกเขาจริงๆ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือกับความกดดัน คุณต้องโฟกัสกับสิ่งที่คุณต้องทำตอนอยู่ในสนาม อย่าไปคิดอะไรมากนักกับสิ่งที่อยู่ตามหน้าสื่อ”