ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คืนวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน
ประเดิมคู่หัวค่ำ 20:00 น. ตามเวลาในประเทศไทยด้วยชัยชนะของ สวีเดน เหนือ สโลวาเกีย 1-0 ในกลุ่มอี
ตามมาด้วยการเสมอกันของ โครเอเชีย และ สาธารณรัฐเช็ก 1-1 จากกลุ่มดี
ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคู่ อังกฤษ ปะทะ สกอตแลนด์ ที่ไม่เดือดตามคาดและลงเอยด้วยการแบ่งแต้มไปแบบไร้สกอร์
สวีเดน 1-0 สโลวาเกีย
เอมิล ฟอร์สเบิร์ก 45′ (จุดโทษ)
เล่นเอาหืดจับเหมือนกันสำหรับ สวีเดน ที่แทบจะเจาะ สโลวาเกีย ไม่เข้าอยู่เกือบทั้งเกม ก่อนจะมาได้ลูกโทษในนาทีที่ 77 จากจังหวะเคาะบอลไวของ อเล็กซานเดอร์ ไอซัค ไปให้ โรบิน ไควสัน ทะลุเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน มาร์ติน ดูบราฟกา ทะยานเข้ามารวบล้มลงพร้อมกับเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินให้พวกเขาได้ลูกโทษ
แล้วก็เป็นกองกลางจากสังกัด แอร์เบ ไลป์ซิก ที่สังหารไม่พลาดส่งให้ทีมของตัวเองคว้าสามแต้มแรกของทัวร์นาเม้นต์นี้ได้สำเร็จ
โครเอเชีย 1-1 เช็ก
ปาทริค ชิค 37′ (จุดโทษ)
อีวาน เปริซิช 47′
ออกสตาร์ทเกมกันแบบเงียบเชียบและต่างฝ่ายต่างก็เล่นกันแบบระแวดระวังจนกระทั่ง เดยัน ลอฟเรน ไปทำฟาวล์ ปาทริค ชิค ในช่วงท้ายครึ่งแรกก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นคนลุกขึ้นมาสังหารประตูเองให้ทีมออกนำไปก่อน 1-0
เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ทันไร โครเอเชีย ก็มาได้ประตูทีเด็ดตามตีเสมอได้สำเร็จจาก อีวาน เปริซิช และจบเกมด้วยสกอร์ 1-1 ยังต้องลุ้นกันต่อถึงเกมสุดท้าย
อังกฤษ 0-0 สกอตแลนด์
ปิดท้ายกันด้วยคู่ดึก ที่แม้จะเปิดเกมใส่กันตั้งแต่เสียงนกหวีดดังและเป็นฝ่ายลูกทีมของ เซาธ์เกต ที่ครองเกมได้เหนือกว่าแต่กลับทำได้สมานฉันท์แบ่งแต้มแบบไม่มีประตู
แต่สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากคงหนีไม่พ้นเรื่องการเปลี่ยนตัวของกุนซือทัพ สิงโตคำราม ที่ไม่ค่อยช่วยอะไรในแง่ของรูปเกมมากนัก แถม เจดอน ซานโช ที่ฟอร์มร้อนแรงสุดขีดกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ยังไม่ได้รับโอกาสลงสนามอีกเช่นเคย